ค้นหาบล็อกนี้

Translate

คุ้มค่าด้วยคุณค่า เติมสุขเสริมสุขภาพ ใช้ปรุงอาหาร หรือชงดื่มเพื่อสุขภาพ หอมชงปานะ

นวัตกรรมเครื่องปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ ผลงานวิจัยดีเด่น ม.เกษตรฯ ผลิตจากหอมหัวใหญ่ เข้มข้น 3 เท่า ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารก่อมะเร็ง ช่วยชะลอความชรา อีกทั้งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ (อนุภาคหอมหัวใหญ่จะเกาะตัวกันตามธรรมชาติ โดยปราศจากสารเคมีป้องกันการเกาะตัว)

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รู้ได้อย่างไร...ว่าเป็นโรคอ้วน

โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันมากกว่าปกติ การที่มีการสะสมของไขมันมากขึ้นนี้อาจเนื่องมาจากร่างกายได้รับพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจึงมีการสะสมพลังงานที่เหลือเอาไว้ในรูปของไขมันตาม อวัยวะต่างๆ และนำมาซึ่งสาเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆซึ่งเป็นโรคไม่ติดต่อ
#ชนิดของโรคอ้วน
โรคอ้วนที่ผลร้ายต่อสุขภาพมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1.   อ้วนลงพุง เป็นลักษณะของคนอ้วนที่มีการสะสมของไขมันที่บริเวณช่องท้องและอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ลำไส้ กระเพาะอาหารและอื่นๆ ไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายในเหล่านี้ เป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไขมันในเลือดสูง โดยรอบพุงที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ซม. จะเพิ่มโอกาสเกิดโรคเบาหวาน 3-5 เท่า
2.     อ้วนทั้งตัว  ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีไขมันทั้งร่างกายมากกว่าปกติโดยไขมันที่เพิ่มขึ้น มิได้จำกัดอยู่ที่ตำแหน่งใด
      ตำแหน่งหนึ่งโดยเฉพาะ บางคนนอกจากเป็นโรคอ้วนทั้งตัวแล้วยังเป็นโรคอ้วนลงพุงร่วมด้วย จะมีโรค
      แทรกซ้อนทุกอย่าง และโรคที่เกิดจากน้ำหนักตัวมาก ได้แก่ โรคไขข้อ ปวดข้อ ข้อเสื่อม ปวดหลัง ระบบ
     หายใจทำงานติดขัด

            
#รู้ได้อย่างไร ...ว่าเป็น #โรคอ้วน
                โรคอ้วนทั้งตัวบอกได้จากการวัดปริมาณไขมันในร่างกายว่ามีมากน้อยเพียงใด ส่วนการวัดปริมาณไขมันในช่องท้องและไขมันใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้องจะชี้บอกว่าเป็นโรคอ้วนลงพุงหรือไม่ แต่การวัดปริมาณไขมันในร่างกายต้องใช้เครื่องมือพิเศษและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ในทางปฏิบัติจึงใช้ค่าดัชนีมวลกายเพื่อการวินิจฉัยโรคอ้วนทั้งตัว และวัดเส้นรอบเอวเพื่อการวินิจโรคอ้วนลงพุง

 #ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ #BMI )
                คือ ค่าความหนาของร่างกาย ใช้เป็นมาตรฐานในการประเมินภาวะอ้วนผอมในผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งคำณวนได้จาก การใช้น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมและหารด้วยส่วนสูงที่วัดเป็นเมตรยกกำลังสอง ซึ่งใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ดังสูตรต่อไปนี้
                ดัชนีมวลกาย (BMI)  =
น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)

    ส่วนสูง  (เมตร)2
เช่น น้ำหนักตัว 74 กิโลกรัม สูง 160 เซนติเมตร มีดัชนีมวลกายเท่าไหร่ ?         
    ดัชนีมวลกาย (BMI)    =
74 กก.
 =    28.9  กก./ม.2

1.60 ม. x 1.60 ม.

              
ตารางที่ 1  การแบ่งระดับความอ้วนตามค่าดัชนีมวลกายของคนเอเชีย
ค่าดัชนีมวลกาย (กก./ม.2)
ภาวะน้ำหนักตัว
น้อยกว่า 18.5
น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
18.5 – 22.9
ปกติ
23.0 – 24.9
น้ำหนักเกิน
25.0 – 29.9
โรคอ้วน
มากกว่า 30
โรคอ้วนอันตราย
      
การวัดเส้น #รอบเอว หรือเส้นรอบพุง(โดยทั่วไปจะวัดรอบเอว ตรงระดับสะดือพอดี) เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการก่อโรค ผู้ชายต้องมีเส้นรอบเอวน้อยกว่า 90 เซนติเมตร และผู้หญิงน้อยกว่า 80 เซนติเมตร ถ้าเส้นรอบเอวใหญ่เกินกว่าค่าดังกล่าวนี้แล้วก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆนั้นสูงขึ้น
ตารางที่ เส้นรอบเอวของคนอ้วนที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพไม่ดี
                              ชาย         
หญิง
ตั้งแต่  90 เซนติเมตร ขึ้นไป
ตั้งแต่  80 เซนติเมตร ขึ้นไป
  



( รูปการวัดรอบเอว )






วิธีการวัดเส้นรอบเอว
1.             อยู่ในท่ายืน
2.             ใช้สายวัด วัดรอบเอวโดยวัดผ่านสะดือ *
3.             วัดในช่วงหายใจออก (ท้องแฟบ) โดยให้สายวัดแนบกับ
ลำตัว ไม่รัดแน่น และให้ระดับของสายวัดที่วัดรอบเอว
วางอยู่ในแนวขนานกับพื้น 

                               *  เป็นวิธีวัดอย่างง่าย  เพื่อการติดตามเฝ้าระวังภาวะอ้วนลงพุง

#ลดน้ำหนัก  ด้วยหลัก 3 อ.
#อาหาร        ( รูปอาหารจานเดียว สูตร 2 1 1)         
                -   กินให้ครบทั้ง 3 มื้อ ต้องไม่งดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
-   เลือกกินอาหารพลังงานต่ำ หรือลดปริมาณอาหารทุกมื้อที่กิน
                -   กินผัก ผลไม้รสไม่หวานในมื้ออาหารให้มากขึ้น  
                -   หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม
                -   เคี้ยวอาหารช้าๆ ใช้เวลาเคี้ยวประมาณ 30 ครั้งต่อ 1 คำ
#ออกกำลังกาย   ( รูปออกกำลังกาย)  
                แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย
                -  ออกกำลังกายแบบแอโรบิค อย่างต่อเนื่องนานกว่า 45 นาทีขึ้นไป 5 วันต่อสัปดาห์
               -  เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ
-  เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์
-  เพิ่มการเดินให้ได้ 2,000 ก้าวต่อวัน  
#อารมณ์  คือ อารมณ์มุ่งมั่นต่อเป้าหมายลดน้ำหนัก ต้องมีจิตใจที่มั่นคง หากไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ จะทำให้ล้มเลิกความคิดในการลดน้ำหนักในที่สุด
                หลักในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกขณะลดน้ำหนัก
                สกัด  สกัดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้หิว   
                สะกด สะกดใจไม่ให้บริโภคเกิน    

                สะกิด ให้คนรอบข้างช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจขณะลดน้ำหนัก

ปัจจุบันคนที่มี #น้ำหนักมาก เกินเกณฑ์ จัดเป็นโรคอ้วนและเป็นส่วนหนึ่ง
ของกลุ่มโรคเมตาโบลิก (Metabolic syndrome ) ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาอื่นตามมากมาย เช่น
1. #ความดันโลหิตสูง คนอ้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคความดันโลหิตสูง กว่าคนไม่อ้วน 2-9 เท่า และถ้าน้ำหนักตัวลดลงความดันโลหิตก็จะลดลงด้วย
2. #โรคเบาหวาน คนอ้วนเล็กน้อยจะมีโอกาสเกิดโรคเบาหวานได้มากกว่าคนทั่วไป 2 เท่า คนอ้วนปานกลางจะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 5 เท่าและความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น 10 เท่าในคนที่อ้วนมากๆ (น่ากลัวไหมคะ)
3. #ความผิดปกติของระดับไขมันในหลอดเลือด คนอ้วนมักจะมีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และเอชดีแอลต่ำจึงจะสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อโรคหัวใจขาดเลือด
4. #โรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีความเสี่ยงต่อ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคหลอดเลือดสมองตีบตันได้หากใครที่อ้วนและเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก ควรเริ่มตรวจหัวใจด้วย
5. #โรคเกี่ยวกับระบบหายใจ ความอ้วนมากจะทำให้เกิดความผิดปกติ ในการหายใจเข้าออกและกระบังลม ผลที่ตามมาคือเกิดภาวะ ขาดออกซิเจนเรื้อรังมีอาการเหนื่อยง่าย มีอาการปวดศีรษะในตอนเช้า ในเวลากลางวันจะมีอาการง่วงนอน เหมือนนอนไม่พอ นอนกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่านอนหงาย บางครั้งหยุดหายใจเป็นพักๆ เวลานอนหลับหรือภาวะหายใจอุดกั้น (Sleep Apnea disease) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมากค่ะ ส่งผลระยะยาวหัวใจซีกขวาทำงานหนักและอาจเสียชีวิตได้
6. #โรคข้อเสื่อม คนอ้วนจะมีอาการของข้อเสื่อม กระดูกสันหลังเสื่อม ปวดเข่า ปวดหลัง เนื่องจากข้อต่างๆ ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ นอกจากนี้ คนอ้วนมักจะมีระดับกรดยูริคในเลือดสูงกว่าปกติและมีโอกาสเป็นโรคเกาต์มากขึ้น
7. #โรคถุงน้ำดี คนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีสูงกว่าคนไม่อ้วน 3-4 เท่า
8. #โรคมะเร็งบางชนิด จากการศึกษาพบว่า คนที่เป็นโรคอ้วนจะเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่อ้วน เช่น โรคมะเร็งที่เกี่ยวกับฮอร์โมน และมะเร็งระบบทางเดินอาหารมะเร็งของเยื่อบุมดลูก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งถุงน้ำดี
9. #ปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน เช่น #โรคเชื้อราที่ผิวหนัง #เส้นเลือดขอด อาการท้องผูก การคลอดบุตรมีปัญหา แผลผ่าตัดอาจจะหายช้ากว่าปกติ เป็นต้น
                        """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น