ค้นหาบล็อกนี้

Translate

คุ้มค่าด้วยคุณค่า เติมสุขเสริมสุขภาพ ใช้ปรุงอาหาร หรือชงดื่มเพื่อสุขภาพ หอมชงปานะ

นวัตกรรมเครื่องปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ ผลงานวิจัยดีเด่น ม.เกษตรฯ ผลิตจากหอมหัวใหญ่ เข้มข้น 3 เท่า ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารก่อมะเร็ง ช่วยชะลอความชรา อีกทั้งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ (อนุภาคหอมหัวใหญ่จะเกาะตัวกันตามธรรมชาติ โดยปราศจากสารเคมีป้องกันการเกาะตัว)

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Halloween - ความเชื่อ VS ออกพรรษา - Truth




ความเชื่อ ... วันฮาโลวีน สาว ๆ อังกฤษสมัยโน้นจะออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านชนิดหนึ่งในยามเที่ยงคืนของวันฮาโลวีนพร้อมกับเสี่ยงสัตย์อธิษฐานด้วยการท่องคาถาว่า "เจ้าเมล็ดป่านที่ข้าหว่าน จงช่วยบันดาลให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตจองข้าปรากฏตัวให้เห็น " และเมื่อทำต่อไปตามเคล็ด คือเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของเจ้าหล่อน สายรายนั้น ๆ ก็จะได้เห็นถึงนิมิตเรือนร่างของผู้ที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของตน

"วันฮาโลวีนนั้น"ถ้าจะแปลเอาความกันก็ได้แก่ "วันก่อนวันศักดิ์สิทธิ์" ของชาวคริสต์หรือวันสุกดิบหนึ่งวันก่อนหน้าวันที่ 1 พฤศจิกายน 


          การฉลองเทศกาลวันฮาโลวีนในอเมรีกาที่มาเฟื่องฟูมากกว่าคนอื่น ๆ เขาในปัจจุบันนี้เริ่มมาแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1840 อันเป็นระยะที่ชาวไอริสเชื้อสายเซลท์ เดินทางอพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกากันเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้นำเอาประเพณีการฉลองวันฮาโลวีนติดมือมาด้วย
          ตามเฉลียงหน้าบ้านเกือบทุกบ้าน จะมีลูกฝักทองที่คว้านไส้ออก และเจาะทำตาจมูก และปากที่แสยะยิ้ม วางไว้ต้อนรับโดยภายในฟักทองมีเทียนจุดตั้งอยู่ เราจะขึ้นไปที่หน้าประตูบ้านนั้น ๆ กดกริ่ง พอมีคนมาเปิดประตูให้ เราก็จะถามว่า "Take or Treat ? " หรือ "จะยอมให้ขนมเสียดี ๆ หรือจะต้องออกแรงแสดงอภินิหารกัน ? " แล้วเจ้าของบ้านก็จะเอาขนมมาแจกให้ หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางต่อไปยังบ้านอื่น ๆ ขอขนมอย่างนี้จนกว่าจะอิ่ม หรือเมื่อย "
         
  เคล็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเอาแอปเปิลกับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงไปในอ่างน้ำ และหากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยปาก คาบเหรียญขึ้นมา และใช้ช้อนจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียวจะถือว่า ผู้นั้นจะมีโชคดีไปตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง  คนไทยปัจจุบันรู้จัก เทศกาลฮัลโลวีน เหมือนกับที่รู้จักเทศกาลต่าง ๆ ตามประเพณีของชาวยุโรป เช่น อีสเตอร์ วันขอบคุณพระเจ้า และวันคริสต์มาส หรือวันวาเลนไทน์ ในคืนวันฮัลโลวีน สถานที่บันเทิงต่าง ๆ ในกรุงเทพมักจะจัดงานโดยเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวยามราตรีแต่งกายด้วยชุดแฟนซีสวมหน้ากากเป็นปิศาจรูปร่างต่าง ๆ กัน ดังจะเห็นได้จากประกาศเชิญชวนให้มาร่วมงานในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี 
ที่มา : http://www.tungsong.com/Impotant_day/Halloween/Halloween.asp

ความจริง ... วันออกพรรษา หนุ่ม สาว ๆ ไทย อยู่ไหนกัน ...




วันปวารณาออกพรรษา จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (ประมาณเดือนตุลาคม) หลังวันเข้าพรรษา 3 เดือน ตามปฏิทินจันทรคติไทย เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท โดยเป็นวันที่พระสงฆ์จะทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษาในวันนี้ วันออกพรรษาตามปกติ (ออกปุริมพรรษา1)
     การออกพรรษานั้น ถือเป็น ข้อปฏิบัติตามพระวินัยสำหรับพระสงฆ์ โดยเฉพาะ เรียกว่า "ปวารณา" จัดเป็นญัตติกรรมวาจาสังฆกรรมประเภทหนึ่ง ที่ถูกกำหนดโดยพระวินัยบัญญัติให้ โอกาสแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ร่วมกันตลอดไตรมาสสามารถว่ากล่าวตักเตือนและ ชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาค ด้วยจิตที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เพื่อสามารถให้พระสงฆ์ที่ถูกตักเตือนมีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนและสามารถ นำข้อบกพร่องไปแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น
     ประเพณีเกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา นิยมปฏิบัติอยู่ 2 อย่าง คือ
         1. ประเพณีตักบาตรเทโว หลัง วันออกพรรษา    หลังวันออกพรรษา 1 วัน คือ แรม 1 ค่ำ เดือน 11 จะมีการ "ตักบาตรเทโว" หรือชื่อเต็มตามคำพระว่า "เทโวโรหนะ" แปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก โดยสามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ตักบาตรดาวดึงส์" โดยอาหารที่นิยมนำไปใส่บาตรคือ ข้าวต้มมัด และ ข้าวต้มลูกโยน
         ความเป็นมาของประเพณีตักบาตรเทโว มีดังนี้
              สมัยพุทธกาล เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม และเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาโดยจำพรรษาอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลา 1 พรรษา และเมื่อออกพรรษาแล้วพระองค์ได้เสด็จกลับยังโลกมนุษย์ ณ เมืองสังกัสสคร การที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกตามศัพท์ภาษาบาลีว่า "เทโวโรหณะ" ในครั้งนั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธาเลื่อมใส เมื่อทราบข่าวต่างพร้อมใจกันไปรอตักบาตรเพื่อรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น จนถือเป็นประเพณีตักบาตรเทโวปฏิบัติสืบทอดกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้
     เมื่อถึงวันออกพรรษา พุทธศาสนิกชนถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ ที่ตั้งใจจำพรรษาและตั้งใจปฏิบัติธรรมมาตลอดจนครบไตรมาสพรรษากาลในวันนี้ และวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน (แรม 1 ค่ำ เดือน 11) พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยยังนิยมไปทำบุญตักบาตรครั้งใหญ่ เรียกว่า ตักบาตรเทโว หรือ ตักบาตรเทโวโรหนะ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติที่กล่าวว่า ในวันถัดวันออกพรรษาหนึ่งวัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากเทวโลกกลับจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในพรรษาที่ 7 เพื่อลงมายังเมืองสังกัสสนคร พร้อมกับทรงแสดงโลกวิวรณปาฏิหาริย์เปิดโลกทั้งสามด้วย  นอกจากนี้ ช่วงเวลาออกพรรษาตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ถือเป็นเวลา "กฐินกาล" ตามพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นช่วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยจะเข้าร่วมบำเพ็ญกุศลเนื่องในงานกฐินประจำปีในวัดต่าง ๆ ด้วย โดยถือว่าเป็นงานบำเพ็ญกุศลที่ได้บุญกุศลมากงานหนึ่ง
              โดย พิธีตักบาตรเทโวโรหณะ ในปัจจุบันนั้นจะเริ่มตั้งแต่ตอนรุ่งอรุณ หลัง วันออกพรรษา พระภิกษุสามเณรลงทำวัตรในพระอุโบสถ พอพระอาทิตย์ขึ้นก็สมมติว่า พระลงมาจากบันใดสวรรค์ บางที่ก็มีดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิม สมมุติว่าเป็นพวกเทวดาบรรเลง ขับกล่อมตามส่งพระพุทธเจ้า ยังมีพวกแฟนตาซีอีก แต่งเป็นพวกยักษ์ เทวดา พระอินทร์ พรหม นางเทพธิดา นำหน้าขบวนพระภิกษุสามเณร ชาวบ้านก็จะใส่บาตรด้วยอาหารหวาน อาหารคาว ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มมัดจึงเป็นสัญลักษณ์ของพิธีนี้



          2. ประเพณีเทศน์มหาชาติ หลัง วันออกพรรษา
                งานเทศน์มหาชาติ นิยมทำกันหลัง วันออกพรรษา พ้นหน้ากฐินไปแล้ว ซึ่งกฐินจะทำกัน 1 เดือนหลังออกพรรษา ที่จะร่วมกันทอดกฐินทั้ง จุลกฐิน และ มหากฐิน โดยประเพณีงานเทศน์มหาชาติอาจทำในวันขี้น 8 ค่ำกลางเดือน 12 หรือในวันแรม 8 ค่ำ ก็ได้ เพราะในช่วงนี้น้ำเริ่มลดและข้าวปลาอาหารกำลังอุดมสมบูรณ์ จึงพร้อมใจกันทำบุญทำทานและเล่นสนุกสนานรื่นเริง แต่ในภาคอีสานนั้นนิยมทำกันในเดือน 4 เรียกว่า "งานบุญพระเวส" ซึ่งเป็นช่วงที่เสร็จจากการทำบุญลานเอาข้าวเข้ายุ้ง ในภาคกลาง บางท้องถิ่นทำกันในเดือน 5 ต่อเดือน 6 ก็มี
                งานเทศน์มหาชาตินั้นจะทำในเดือนไหนก็ได้ไม่จำกัดฤดูกาล โดยมากเพื่อเป็นการหาเงินเข้าวัด บางแห่งนิยมทำในเดือน 10 โดยการเทศน์มหาชาตินั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 13 กัณฑ์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวสสันดรอันเป็นพระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนที่จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และออกบวชจนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


     กิจกรรมต่างๆ ที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติใน วันออกพรรษา
         1. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
         2. ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล ถวายสังฆทาน ถวายภัตตาหาร หรือจัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา
         3. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว"
         4. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัด และสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
         5. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษาฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป
         6. งดการเที่ยวเตร่ ละเว้นอบายมุข รวมทั้งละเว้นการฆ่าสัตว์และบริโภคเนื้อสัตว์



         การทำบุญออกพรรษาจะเปิดโอกาสให้ผู้อื่นชำระความผิดของตนได้ คือหลักปวารณา ปกติคนเราคบกันนานๆ ก็จะเผย "สันดาน" ที่แท้ออกมา อาจจะไม่ดีนักแต่ตนเองไม่รู้ตัวแล้วมองไม่เห็น แต่ผู้อยู่ข้างๆ มองเห็นแต่ไม่กล้าเตือน ดังนั้นตนเองต้องปวารณาตัวให้ผู้อื่นชี้แนะได้ ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นและยั่งยืน ได้ข้อคิดที่ว่า คนเราส่วนใหญ่มักจะลำเอียงเข้าข้างตนเองเป็นฝ่ายถูก ความผิดของคนอื่นเห็นง่ายส่วนตนเองนั้นความผิดนั้นเห็นยาก นี่แหละสัญชาตญาณของคนเรา เป็นการให้รู้ถึงการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการเปิดใจซึ่งกันและกัน โดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมลับลมคมในใดๆ ต่อในการคบหาหรืออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

          ดังนั้นใครที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง วันออกพรรษา จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับการย้อนมองดูตัวเองว่าได้ทำสิ่งใดผิดพลาดไว้บ้างหรือเปล่า เพื่อที่จะได้ปรับปรุงและไม่ทำผิดซ้ำในเรื่องเดิมอีก…………
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น