ค้นหาบล็อกนี้

Translate

คุ้มค่าด้วยคุณค่า เติมสุขเสริมสุขภาพ ใช้ปรุงอาหาร หรือชงดื่มเพื่อสุขภาพ หอมชงปานะ

นวัตกรรมเครื่องปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ ผลงานวิจัยดีเด่น ม.เกษตรฯ ผลิตจากหอมหัวใหญ่ เข้มข้น 3 เท่า ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารก่อมะเร็ง ช่วยชะลอความชรา อีกทั้งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ (อนุภาคหอมหัวใหญ่จะเกาะตัวกันตามธรรมชาติ โดยปราศจากสารเคมีป้องกันการเกาะตัว)

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

มองมุมใหม่ กระแสตอบรับสุขภาพ บอกลา ผงชูรส สารเคมีปรุงแต่งกลิ่น สี รส

ในยุคที่เราหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ รวมทั้งรูปร่างของเรากันมากขึ้น

 


เชื่อว่าความต้องการในการลดหรือรักษาน้ำหนัก จะเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับหลายๆ คน ที่ต้องการจะบรรลุ แต่ก็เชื่ออีกเช่นเดียวกันครับว่าสำหรับหลายๆ ท่านแล้วเป้าหมายดังกล่าวมีไว้ให้บรรลุ แต่คงยากที่จะบรรลุได้
หลายครั้งที่เราตั้งใจที่จะคุมอาหารหรือลดปริมาณการบริโภค แต่ทำไมเมื่อเราเปิดถุงมันฝรั่งแล้ว เราไม่สามารถที่จะหยุดรับประทานได้? หรือ ทำไมเมื่อเราได้ชิมไอศกรีมช้อนเล็กๆ แล้ว เรามักจะห้ามใจตนเองไม่ให้รับประทานทั้งถ้วยไม่ได้? หรือ เมื่อเราได้รับประทานของทอดใดๆ แล้ว เรามักจะต้องอดไม่ได้ที่จะหยิบชิ้นต่อไป?
เมื่อปีที่แล้วมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Salt Sugar Fat ที่เขียนโดย Michael Moss และกลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับของอเมริการวมทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดหนังสือประจำปีจากหลายๆ สำนัก ได้ออกมาตีแผ่และเปิดโปงกลยุทธ์และวิธีการของบริษัทอาหารต่างๆ ในสหรัฐ ว่าบริษัทเหล่านี้มีวิธีการอย่างไรที่ทำให้เราไม่สามารถที่จะหยุดบริโภคได้
วิธีการหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถที่จะหยุดบริโภคอาหาร โดยเฉพาะบรรดาขนม อาหารสำเร็จรูปต่างๆ นั้นจะมาจากวัตถุดิบสามประการครับ ได้แก่ น้ำตาล เกลือ และ ไขมัน ซึ่งเจ้าน้ำตาล เกลือ และไขมันนั้นจะเปรียบเสมือนสารเสพติดที่ทำให้เราไม่สามารถหยุดที่จะหยิบอาหารหรือขนมชิ้นนั้นเข้าปากได้

บริษัทอาหารต่างๆ จะมีการใช้ทั้งวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา การตลาด เข้ามาช่วยเพื่อหารสชาติที่ใช่สำหรับอาหารหรือขนมแต่ละประการ โดยเจ้ารสชาติที่ใช่นั้น ถ้าจะเพิ่มน้ำตาล เกลือ หรือ ไขมันมากเกิดไป ก็จะไม่ใช่รสชาติที่ใช่ หรือ ถ้าลดองค์ประกอบเหล่านั้นลงนิดหนึ่ง ก็จะไม่ใช่อีกเช่นเดียวกัน
ในหนังสือของ Moss นั้นระบุไว้เลยว่านอกจากความหิวแล้วคนเรายังเลือกที่จะบริโภคเนื่องจากปัจจัยอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ กลิ่น รูปลักษณ์ หรือ แม้กระทั่งเรื่องของอารมณ์ ดังนั้น บริษัทอาหารทั้งหลายก็จะพยายามที่จะปรับแต่งทั้งรสชาติ กลิ่น รูปร่าง หน้าตา ของอาหารตนเองให้ตรงใจและ “ใช่” สำหรับผู้บริโภค โดยการปรับแต่งเหล่านี้ก็ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นองค์กรประกอบที่สำคัญทั้งสามประการคือ น้ำตาล เกลือ และ ไขมัน
น้ำตาลได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ส่งผลต่อแค่ลิ้นที่เรารับรู้สัมผัสเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการรับรู้ของสมองด้วย Moss ระบุเลยว่าน้ำตาลนั้นส่งผลต่อสมองเหมือนกับที่สิ่งเสพติดมีผลต่อสมองเช่นกัน มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าสมองจะมีปฏิกิริยาเกิดขึ้นเมื่อเราได้รับน้ำตาล และเป็นปฏิกิริยาเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับโคเคน ท่านผู้อ่านลองนึกถึงตัวท่านเองก็ได้ครับ หลายๆ ครั้งที่เราบริโภคขนมหรือของหวานๆ ลงไป เราจะรู้สึกตื่น คึกคัก มีเรี่ยวมีแรงขึ้น ดังนั้น น้ำตาล (ในรูปแบบและจากแหล่งต่างๆ) จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในอาหารสำเร็จรูปทั้งหลาย


หนังสือของ Moss ยกตัวอย่างหลายตัวอย่างของบริษัทอาหารที่สามารถที่จะเพิ่มยอดขายให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง โดยการปรับแต่งปริมาณของน้ำตาล เกลือ และ ไขมันเสียใหม่ บริษัทซุปแห่งหนึ่งได้ลดปริมาณเกลือในซุปของตนเองลง เพื่อให้เป็นไปตามกระแสความห่วงใยในสุขภาพของผู้บริโภค แต่เมื่อลดเกลือลงแล้ว กลับทำให้ยอดขายซุปของตนเองตกลงไปด้วย บริษัทดังกล่าวจึงต้องเพิ่มปริมาณเกลือกลับขึ้นมาใหม่ เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของตนเองมีกำไร
หนังสือของ Moss ช่วยเฉลยให้เราทราบว่าทำไมหลายครั้งเมื่อเปิดถุงขนมขบเคี้ยวแล้วเราถึงไม่สามารถที่จะหยุดได้ หรือ เมื่อลิ้นได้สัมผัสไอศกรีมรสโปรดแล้ว ถ้วยเดียวไม่เคยพอ หรือ เมื่อได้รับประทานไก่ทอดชิ้นหนึ่งแล้ว มักจะมีชิ้นที่สองและสามตามมา ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล เกลือ หรือ ไขมันล้วนแล้วแต่ทำให้เรามีความรู้สึก “อร่อยเกินห้ามใจ” ไปทุกอย่าง
อย่างไรก็ดี องค์ประกอบทั้งสามประการก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราอย่างที่ทุกท่านทราบ บริษัทอาหารต่างๆ ก็พยายามที่จะตอบสนองต่อกระแสความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพ โดยอาจจะทำอาหารที่ลดน้ำตาล ลดเกลือ ลดไขมันออกมาขายบ้าง แต่ก็มีข้อสังเกตว่าอาหารเหล่านี้อาจจะลดอย่างใดอย่างหนึ่งแต่ยากที่จะลดทั้งสามอย่างพร้อมกัน และที่สำคัญคือเมื่อลดอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ก็จะทำให้ความน่ารับประทานของอาหารดังกล่าวหมดไปด้วย ดังนั้น ในปัจจุบันนี้การที่เราจะดูแลสุขภาพ รูปร่างของเราให้ได้ดีนั้น ที่สำคัญคือจะต้องสามารถฝึกจิตให้เข้มแข็ง ยอมที่จะรับประทานอาหารที่ไม่อร่อย มีน้ำตาล เกลือ และไขมันน้อย แต่ดีต่อสุขภาพบ้างนะครับ
ที่มา : ดร.พสุ เดชะรินทร์ คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "มองมุมใหม่" http://www.bangkokbiznews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น