ค้นหาบล็อกนี้

Translate

คุ้มค่าด้วยคุณค่า เติมสุขเสริมสุขภาพ ใช้ปรุงอาหาร หรือชงดื่มเพื่อสุขภาพ หอมชงปานะ

นวัตกรรมเครื่องปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ ผลงานวิจัยดีเด่น ม.เกษตรฯ ผลิตจากหอมหัวใหญ่ เข้มข้น 3 เท่า ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารก่อมะเร็ง ช่วยชะลอความชรา อีกทั้งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ (อนุภาคหอมหัวใหญ่จะเกาะตัวกันตามธรรมชาติ โดยปราศจากสารเคมีป้องกันการเกาะตัว)

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สถิติ โรคอ้วน ทั่วโลกลุกลามไม่เว้นคนไทย ... ตายผ่อนส่ง


    คลื่นโรคอ้วน กระหน่ำทั่วโลก  (Lisa)         งานวิจัยร่วมของ Imperial College London, Harvard University และ WHO เปิดเผยว่าประชากรมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก หรือประมาณ 1 ใน 9 ของคนทั่วไป ถือว่าอยู่ในขอบข่ายอ้วน (Obese ได้แก่ ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30 ) และด้วยเหตุนี้ทำให้ทุก ๆ ปี มีคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 3 ล้านคน ไม่ว่าจะจากโรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือมะเร็ง โดยถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่มนุษยชาติต้องร่วมกันแก้ไข          นอกจากนี้ การวิจัยดังกล่าวยังเปรียบเทียบข้อมูลจากปี 1998 กับปี 2008 ตัวเลขที่น่าตกใจก็คือ จำนวนผู้ชายที่เป็นโรคอ้วนกระโดดจาก 4.8% ขึ้นมาเป็น 9.8% ส่วนผู้หญิงนั้นเดิมทีอยู่ที่ 7.9% แต่ในการสำรวจล่าสุดอยู่ที่ 13.8%

    ที่มา : http://health.kapook.com/view25848.html

    สถิติคนไทยเป็นโรคอ้วน และโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้อง
    สถิติปีที่ : 2556  ที่มา : http://www.diabassocthai.org/statistic/105


    ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเร่งรณรงค์ต่อสู้กับปัญหาภาวะอ้วน (Obesity) และโรคอ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome ) เพื่อลดภาวะความรุนแรงของโรควิถีชีวิต อันได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และภาวะไตวายเรื้อรัง เป็นต้น “โรคอ้วน” ถือเป็นภัยคุกคามที่กำลังระบาดในกลุ่มคนไทย โดยวัดจากอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น จากกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ปัจจุบันพบว่าคนไทยอ้วน และมีน้ำหนักเกินมาตรฐานเป็นอันดับ 5 ของเอเชีย-แปซิฟิก เป็นผลของการที่คนไทย ใช้ชีวิตกินแล้วนั่งหรือนอน และขาดการออกกำลังกาย

    นพ.ไพจิตร์ วราชิต กล่าวว่า ผลสำรวจสุขภาพล่าสุดมีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปเป็นโรคอ้วน ติดอันดับ 5 ของเอเชียแปซิฟิก โดยมีคนอ้วนมากถึง 17 ล้านคนทั่วประเทศ และยังมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 ล้านคนต่อปี ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล มากกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท อีกทั้ง คนที่เป็นโรคอ้วนจะมีความเสี่ยงที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคข้อกระดูกเสื่อมสูงกว่าคนปกติ และยังส่งผลกระทบด้านอารมณ์อีกด้วย ซึ่งผลสรุปจากรายงานการสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการของประเทศไทยครั้งที่ 5 พ.ศ.2546 แสดงให้เห็นว่า
    • คนไทยอายุ 20 – 29 ปี มีภาวะโรคอ้วนเพิ่มจาก
    • ร้อยละ 2.9  เป็นร้อยละ  21.7  (7.5 เท่า)
    • คนไทยอายุ 40 – 49 ปี อ้วนเพิ่ม 1.7 เท่า
    • ปัจจุบันเด็กประถมมีภาวะโภชนาการเกิน ร้อยละ 13.4 เพิ่มขึ้นทุกปี
    • คนไทยอ้วนเป็นอันดับ 5 ใน 14 ประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิก
    • คนไทยมีภาวะท้วมถึงอ้วนราว 10  ล้านคน 
    และหากนำมาเปรียบเทียบกับรายงานผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2550 ที่มีผลการสำรวจใกล้เคียงกันนั้น แสดงให้เห็นว่า
    • ปัจจุบันคนไทยมีภาวะท้วมถึงอ้วนราว 10  ล้านคน
    • เด็กไทยอายุ 2-18 ปี เป็นโรคอ้วนร้อยละ 8
    • กลุ่มวัยรุ่น 13-18 ปี ร้อยละ 9  เพิ่มขึ้นทุกปี
    • ผลสำรวจภาวะอ้วนลงพุงของคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปโดยใช้เกณฑ์เส้นรอบเอวไม่น้อยกว่า 90 ซม.ในผู้ชาย และไม่น้อยกว่า 80 ซม.ในผู้หญิง เป็นเกณฑ์ตัดสินอ้วนลงพุง ในปี 2550 ภาวะอ้วนลงพุงในเพศชายพบ ร้อยละ 24 และในเพศหญิงพบ ร้อยละ 60.5
    • ผลสำรวจภาวะอ้วนลงพุงของคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปโดยใช้เกณฑ์เส้นรอบเอวไม่น้อยกว่า 90 ซม.ในผู้ชาย และไม่น้อยกว่า 80 ซม.ในผู้หญิง เป็นเกณฑ์ตัดสินอ้วนลงพุงสำหรับปี 2551 พบภาวะอ้วนลงพุงเพิ่มขึ้นในเพศชาย เป็นร้อยละ 33.5  แต่ในเพศหญิงสถานการณ์ภาวะอ้วนลงพุงดีขึ้น เหลือร้อยละ 58.2  
    สาเหตุหลักคือวิถีการดำเนินชีวิตที่ไม่สมดุล มีการบริโภคมากเกินความต้องการของร่างกาย ออกกำลังกายน้อย รายงานผลสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2547 พบว่า คนไทยกินผักและผลไม้เพียง 275 กรัม/คน/วัน ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานคือ 400 กรัม/คน/วัน ส่วนการกินน้ำตาลและไขมันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การเคลื่อนไหว หรือออกกำลังกายในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป ลดลงจากร้อยละ 83.2 ในปี 2548 เหลือร้อยละ 78.1 ในปี 2549
    แนวทางการแก้ปัญหาโรคอ้วนนั้นสามารถทำได้โดย
    • สร้างปัจจัยเอื้อปรับสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย 
    • สร้างองค์ความรู้ตามหลักการ 3 อ. เพื่อใช้เป็นแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กินและออกกำลัง สร้างความสุมดุลย์พลังงานของร่างกาย
    แต่การต่อสู้กับโรคอ้วนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยจากเกินความสามารถ ทุกอย่างจะเป็นไปได้ หากเริ่มจากการมีจิตใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบากนั้นเอง

    ที่่มา :  http://www.stks.or.th/blog/?p=15770

      มองตัวเองให้มีคุณค่า ยอมรับความจริงควบคุมความอ้วนด้วยการออกกำลังกาย เลือกกินอาหาร อารมณ์ดี สุขภาพก็จะดีโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็ห่างหายไป ทว่าหากรู้สึกว่าอ้วนแล้วจะควบคุมด้วย #อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ขอแนะนำ Kuu Ne Fit & Firm อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก สกัดจากพืช 5 ชนิด ชาเขียว ถั่วขาว กระเทียม หอมหัวใหญ่ และรกพริก ปลอดภัยผลิตจากธรรมชาติ เพื่อ #ควบคุมน้ำหนัก #ลดไขมัน #ควบคุมระดับน้ำตาล และ#เร่งการเผาผลาญ ผลิตภัณฑ์ภายใต้การค้นคว้าพัฒนาร่วมกับ ผศ.ดร.พิสิฏฐ์  ธรรมวิถี  แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ภายใต้มาตรฐานการผลิต GMP 


      ติดตาม   ฟังรายการ CEO VISION ช่วง New Dimensions โดย ดร. บุญชัย โกศลธนากุล เรื่อง สรรพโรคย่อมไม่เทียบเท่า "โรคอ้วน" ตอน 1 และ 2  ซึ่งออกอากาศทาง FM 96.5

      http://www.youtube.com/watch?v=QNPDko_4eDo
      https://www.youtube.com/watch?v=9tIaJzzUU64

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น